วันจันทร์ที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

นิพนิทรารมณ์อัตลักษณ์
















พิณบรรเลงเพลงกล่อมยามนิทรา
ลมเข้าห่มฟากฟ้าสะทกสะท้าน
แสนอ่อนเปลี้ยเพลียกายจากวันวาน
ความซบเซารอนรานพาลครอบงำ

ความง่วงเหงานั้นเล่าปรากฏอยู่
ในดวงเนตรทั้งคู่ดูบอบช้ำ
โอ้หทัยเหนื่อยหน่ายร้ายระกำ
ลมหายใจชื่นฉ่ำพลันโรยรา

เพราะฉันลืมดื่มด่ำกับความงาม
ในดงหนาม ดอกไม้ งามหนักหนา
ส่องประกายระย้ายิบแห่งเมตตา
เกินภาษาบรรยายในปฐวี

เพราะฉันลืมแสงทิพย์แห่งตะวัน
อันวิเศษสร้างสรรค์รุ้งเจ็ดสี
หยาดน้ำค้างพรายพร่างทางไมตรี
อักโขภิณีครูแก้วแววปัญญา

อันวิจิตรนฤมิตรท่วงทำนอง
อิสรารสตรึกตรองกรองภาษา
ประภัสสรสุนทรียสนทนา
สาดแสงทองทั่วฟ้าอย่างสามัญ

นิพนิทรารมณ์ใยเล่าเพียงกลกาล
แม้แปรเปลี่ยนสังขารเบญจขันธ์
แม้เอกภพแปลกแยกแตกสะบั้น
ผงเข้าตาเท่านั้นอันกลลวง

นิพนิทรารมณ์ใยเล่าเพียงเสพติด
บริโภคความคิดเครื่องบวงสรวง
แพร่กระจายถูกผิดธาตุทั้งปวง
โอ้อนุภาพแห่งดวงจิตวิญญาณ

พระเจ้าทรงผนวกเข้ากับมวลมนุษย์
เอกภาพโดยบริสุทธิ์อย่างพื้นฐาน
กำหนดได้ดำริชอบประสบการณ์
อนาคตดลบันดาลดั่งใจคน ๚ะ๛

ไม่มีความคิดเห็น: